ระหว่างวันที่ 17–21 สิงหาคม 2568 นางสุพรรณวษา โชติกญาณ ถัง เอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน พร้อมด้วยนายชญา ภัทราชัย ที่ปรึกษา และนางสาวกาจนา วาน กอร์ป เจ้าหน้าที่โครงการ Thailand and Nordic Countries Innovation Unit (TNIU) ของสถานเอกอัครราชทูตฯ นำคณะผู้แทนไทยซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของไทย ได้แก่ ดร. จีรศักดิ์ ชอบแต่ง นักวิชาการสัตวบาลเชี่ยวชาญ กรมปศุสัตว์ รองศาสตราจารย์ ดร. จิรารัตน์ อนันตกูล อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีทางอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนางสุภาวดี นาคบรรพ์ นิสิตระดับปริญญาเอก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ น.ส. ศิรินทร์พร เดียวตระกูล รอง ผ.อ. สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ตลอดจนคณะผู้บริหารจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เข้าร่วมงาน Organic Summit 2025 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโคเปนเฮเกน พร้อมทั้งศึกษาดูงานและพบหารือเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของเดนมาร์ก
โดยเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2568 คณะผู้แทนไทยได้เข้าร่วมงาน Organic Summer ที่อาคาร Axelborg ซึ่งจัดโดยสภาการเกษตรและอาหารของเดนมาร์ก (Danish Agriculture & Food Council: DAFC) และได้พบกับผู้ผลิตสินค้าอินทรีย์ที่มานำเสนอผลิตภัณฑ์และแนวปฏิบัติด้านเกษตรอินทรีย์ของเดนมาร์กซึ่งมุ่งส่งเสริมการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายในงานมีบริษัทผู้ผลิตอาหารอินทรีย์จำนวน 27 รายร่วมจัดแสดงแนะนำผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้ทดลองสินค้าออร์แกนิกหลากหลายชนิด และเรียนรู้กระบวนการผลิตโดยตรงจากผู้ประกอบการ ทำให้เกิดแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมด้านเกษตรอินทรีย์ที่ทำให้เดนมาร์กเป็นผู้นำระดับโลกในด้านเกษตรยั่งยืน
ระหว่างวันที่ 18–19 สิงหาคม 2568 เอกอัครราชทูตฯ ได้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม Organic Summit 2025 ณ อาคาร Black Diamond กรุงโคเปนเฮเกน โดยมีนาง Lise Christiansen Walbom ตำแหน่ง CEO ขององค์กร Food Nation ให้การต้อนรับ ภายในงานมีผู้เข้าร่วมจากหน่วยงานภาครัฐ นักวิชาการ และผู้นำอุตสาหกรรมจากประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมประชุม การประชุม Organic Summit 2025 จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีระดับนานาชาติด้านนโยบายเกษตรอินทรีย์โดยมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนมุมมองและแนวปฏิบัติเพื่อขับเคลื่อนระบบเกษตรอินทรีย์สู่ความมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “Food for All on a Healthy Planet” โดยมีผู้นำด้านนโยบาย นักวิจัย เกษตรกร ภาครัฐ และภาคเอกชนจากนานาชาติเข้าร่วมมากกว่า 400 คน นอกจากนี้ การประชุมได้รับเกียรติจากนาย Lars Weiss นายกเทศมนตรีกรุงโคเปนเฮเกน กล่าวเปิดงานโดยเน้นนโยบายที่มุ่งให้โรงอาหารต่าง ๆ ของเทศบาลกรุงโคเปนเฮเกนใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกในสัดส่วนร้อยละ 90 ในการประกอบอาหาร นอกจากนี้ การประชุมยังมีการเสวนาทางวิชาการในประเด็นสำคัญ อาทิ การเพิ่มสัดส่วนเกษตรอินทรีย์ คุณค่าของเกษตรอินทรีย์ต่อสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ สวัสดิภาพสัตว์ รวมถึงการพัฒนากลยุทธ์ด้านการเงินและการลงทุนเพื่อขยายภาคการผลิตและตลาดเกษตรอินทรีย์ โดยการประชุมครั้งนี้สะท้อนทิศทางอนาคตของนโยบายเกษตรร่วม (Common Agricultural Policy: CAP) ของสหภาพยุโรป (EU) ที่จะเน้นการใช้เงินสาธารณะเพื่อประโยชน์สาธารณะผ่านมาตรการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (Public Procurement) เพื่อสร้างห่วงโซ่คุณค่าสำหรับสินค้าเกษตรอินทรีย์และขับเคลื่อนระบบเกษตรอินทรีย์ที่ยั่งยืน การเสริมพลังเกษตรกรผ่านสหกรณ์ การสร้างระบบเกษตรอินทรีย์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสวัสดิภาพสัตว์ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อวางเป้าหมายสัดส่วนสินค้าเกษตรอินทรีย์ในอียูให้ได้ร้อยละ 25 ภายในปี ค.ศ. 2030 นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเปิดโอกาสให้ผูเข้าร่วมแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด ขยายผลโซลูชันด้านเกษตรอินทรีย์ และสำรวจโอกาสใหม่ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและธุรกิจ โดยการเข้าร่วมงานของคณะผู้แทนไทยได้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการพัฒนาภาคเกษตรอินทรีย์ ส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร และเปิดโอกาสความร่วมมือระหว่างไทยกับเดนมาร์ก


วันที่ 20 สิงหาคม 2568 เอกอัครราชทูตฯ และคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการศึกษาดูงาน “From Table to Soil” โดยได้ศึกษาดูงานในองค์กรชั้นนำของเดนมาร์กที่ส่งเสริมความยั่งยืนในห่วงโซ่อาหารตั้งแต่การผลิตจนถึงผู้บริโภค ได้แก่ การเยี่ยมชมซูเปอร์มาร์เก็ต MENY ของเดนมาร์กที่ส่งเสริมสินค้าอินทรีย์หลายชนิดและการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จากนั้น คณะได้เยี่ยมชม Copenhagen Hospitality College สถาบันการฝึกอบรมผู้ประกอบการด้านอาหารและการโรงแรมที่เน้นการปลูกผักเกษตรอินทรีย์เพื่อเป็นวัตถุดิบในการเรียนการสอนและบริโภคในโรงอาหาร ความยั่งยืน นวัตกรรมอาหารและความรับผิดชอบต่อสังคม นอกจากนี้ คณะผู้แทนยังเยี่ยมชม ฟาร์มออร์แกนิก Engmosegaard ซึ่งผลิตนม ไข่ไก่ เนื้อวัว เนื้อสุกร ผัก ธัญพืชและดอกไม้ ด้วยวิถีเกษตรอินทรีย์อย่างครบวงจร ตามแนวทางการเกษตรที่ยั่งยืนแบบบูรณาการ
ต่อมา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 เอกอัครราชทูตฯ ได้นำคณะผู้แทนไทยไปพบหารือและแลกเปลี่ยนทางวิชาการที่มหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งเดนมาร์ก (DTU) โดยมี ศาสตราจารย์ Anders Bjarklev อธิการบดีของ DTU ให้การต้อนรับและกล่าวแนะนำเกี่ยวกับ DTU โดยมีการหารือในประเด็นวิจัยความร่วมมือทางวิชาการในสาขาที่มีศักยภาพร่วมกันรวมถึงการพัฒนาบุคลากรวิจัยและการแลกเปลี่ยนนักวิจัย–นักศึกษา พร้อมนำเยี่ยมชมห้องทดลองของนักวิจัย อาทิ Dr. Solange Mussatto ศาสตราจารย์ ด้าน Biobased Technologies and Sustainability และ ดร.พิมลภัส ลี้กิจเจริญผล นักวิจัยอาวุโส ที่สถาบันอาหารแห่งชาติ กลุ่มวิจัยระบาดวิทยาจีโนม รวมทั้งพบปะนักศึกษาไทยที่ศึกษาและทำวิจัย ณ DTU เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถของนักวิจัยไทยรุ่นใหม่ต่อไปด้วย
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ และคณะผู้แทนไทยยังเข้าหารือแลกเปลี่ยนที่คณะวิทยาศาสตร์การอาหาร มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน โดยได้รับการต้อนรับจากศาสตราจารย์ Colin Ray และ รองศาสตราจารย์ Mahesha Manjunatha Poojary พร้อมรับฟังการบรรยายงานวิจัยด้านนวัตกรรมอาหารของ นางสุภาวดี นาคบรรพ์ นักศึกษาระดับปริญญาเอกจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งกำลังมาทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ตลอดจนมีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านวิชาการและวิจัยระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน รวมถึงแนวทางการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MoU) ระหว่างกันในอนาคต
การเข้าร่วม Organic Summit 2025 การศึกษาดูงานในเดนมาร์กและการแลกเปลี่ยนทางวิชาการครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการส่งเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านเกษตรอินทรีย์ รวมถึงความมั่นคงทางอาหาร พร้อมเน้นย้ำความร่วมมือทวิภาคีกับเดนมาร์กในด้านดังกล่าวด้วย