Climate Farming การเกษตรแนวใหม่ที่คำนึงถึงสภาพภูมิอากาศและโซลูชั่นชีวภาพ เพื่ออนาคตของภาคการเกษตรและการผลิตอาหาร

Climate Farming การเกษตรแนวใหม่ที่คำนึงถึงสภาพภูมิอากาศและโซลูชั่นชีวภาพ เพื่ออนาคตของภาคการเกษตรและการผลิตอาหาร

วันที่นำเข้าข้อมูล 1 ก.พ. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 1 ก.พ. 2568

| 57 view
อนาคตของภาคเกษตรกรรมอยู่ที่การนำแนวปฏิบัติที่ชาญฉลาดโดยคำนึงถึงสภาพภูมิอากาศ (Climate-smart practices) และโซลูชั่นชีวภาพมาใช้ ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น แนวทางที่สร้างสรรค์ในการทำฟาร์มโคนม การผลิตก๊าซชีวภาพและโซลูชั่นชีวภาพจึงกำลังเป็นที่ต้องการและจุดประกายความสนใจในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเดนมาร์กได้จัดแสดงถึงความเชี่ยวชาญด้านฟาร์มโคนมและก๊าซชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในช่วงการเยือนผู้แทนระดับสูงของเดนมาร์กที่รัฐแคลิฟอร์เนียและ New York Climate Week ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ด้านโซลูชั่นชีวภาพ ระบบเกษตรกรรมฟื้นฟู และเครื่องมือดิจิทัลในภาคการเกษตรโคนม
 
โดยล่าสุด องค์กร Food Nation ของเดนมาร์ก ได้เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในภาคส่วนอาหารและการเกษตร โดยมีปัจจัยสภาพภูมิอากาศเป็นแรงผลักดัน (White Paper: Climate Driving The Transition to Carbon-Neutral Food and Agriculture) ที่จัดทำร่วมกับหลายหน่วยงาน ซึ่งเอกสารดังกล่าวได้กำหนดภาพรวมของการมุ่งหน้าสู้เป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Journey) ของภาคส่วนอาหารและเกษตรกรรมของเดนมาร์กที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพ ผลผลิตและการดำเนินความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรกรรมของเดนมาร์ก
 
ทางด้านองค์กร State of Green ได้เผยแพร่เอกสาร White Paper: Producing More With Less ที่กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงในระบบอาหารโลกที่มุ่งมั่นสู่ความยั่งยืนในอนาคต โดยในรายงานระบุว่า ภาคการเกษตรยังเป็นแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 34.4 ของการปล่อยก๊าซ CO2 ในเดนมาร์ก หรือประมาณ 15.9 ล้านตัน ซึ่งถึงแม้จะลดลงกว่าร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับปี 2533 แต่การทำเกษตรกรรมแบบเข้มข้นยังส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ มลภาวะ และคุณภาพของดิน
 
รายงานจาก IPCC (Intergovernmental Panel on Climate Change) ระบุว่า ระบบอาหาร-การเกษตรเป็นโอกาสสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านวิธีการต่างๆ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การหันมาบริโภคพืชเป็นหลัก และการลดขยะอาหาร เดนมาร์กมีความพร้อมในการเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว และในรายงานได้เผยแพร่แนวทางการแก้ปัญหาสำหรับระบบเกษตรและอาหาร
 
ในส่วนของภาคเกษตรกรรม เกษตรกรจะได้รับประโยชน์จากเมล็ดพันธุ์ที่ทนทานต่อสภาพภูมิอากาศ การจัดการพืชผลอัจฉริยะ (Smart Crop Management) และเครื่องมืออื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มผลผลิต พร้อมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการสูญเสียสารอาหารจากพื้นที่เกษตรกรรม ในภาคปศุสัตว์ มีการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ อย่างสร้างสรรค์ ได้แก่ การปรับปรุงพันธุกรรมสัตว์ การปรับปรุงประสิทธิภาพของอาหารสัตว์ และการจัดการมูลสัตว์ ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนปัญหาต่อสภาพภูมิอากาศให้กลายเป็นโอกาสที่ยั่งยืนเพื่อตอบสนองความต้องการอาหารที่ผลิตด้วยเนื้อสัตว์ในตลาดโลก และในส่วนของโรงงานแปรรูปอาหาร บริษัทจัดหาอุปกรณ์ของเดนมาร์กจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การผลิตที่มีประสิทธิภาพและปราศจากฟอสซิลด้วยเทคโนโลยี Heat Recovery การใช้พลังงานไฟฟ้า และเทคโนโลยีการแปรรูปทางเลือกอื่นๆ
.
การมีรากฐานอันยาวนานด้านการวิจัยและนวัตกรรม ประกอบกับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่แข็งแกร่งได้ทำให้เดนมาร์กเป็นผู้นำทาง Green Transition ในด้านอาหาร เกษตรกรรม และการใช้ประโยชน์จากที่ดิน ความร่วมมือจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค (Farm-to-Fork) จะช่วยเร่งการพัฒนาและนำโซลูชั่นไปปฏิบัติเพื่อรับมือต่อความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน
.
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://globthailand.com/denmark-31012025/

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ