เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๘ นางสุพรรณวษา โชติกญาณ ถัง เอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน ได้นำข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตฯ และครอบครัว ตลอดจนเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะ ณ ที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตฯ
ต่อจากนั้น เอกอัครราชทูตฯ ได้นำคณะเดินทางไป Asia House เพื่อเข้าร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลและถวายอาหารเพลและเครื่องสังฆทานแด่พระสงฆ์จำนวน ๓ รูปจากวัดป่าโคเปนเฮเกน พร้อมกับผู้แทนชุมชนไทย ผู้แทน Asia House และนักศึกษาเดนมาร์กจำนวน ๑๐ คน จาก Niels Brock International Business College เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๒๓ ต.ค. ๒๕๖๘ และวางพวงมาลาถวายองค์หล่อจำลองพระบรมรูปทรงม้าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งประดิษฐาน ณ Asia House
ในวันเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้จัดนิทรรศการ “King Chulalongkorn in Denmark: Shaping Modern Siam through Friendship” ที่ Asia House โดยภายในงานมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมชมนิทรรศการจำนวนประมาณ ๕๐ คน ประกอบด้วยทายาทของพลเรือเอกพระยาชลยุทธโยธินทร์ (Andreas du Plessis de Richelieu) ผู้แทนชุมชนไทย กลุ่ม Friends of Thailand และนักศึกษาเดนมาร์กจาก Niels Brock International Business College โดยเอกอัครราชทูตฯ ได้กล่าวเปิดนิทรรศการที่จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงการเสด็จประพาสเดนมาร์กของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๐ และ พ.ศ. ๒๔๕๐ ซึ่งถือเป็นช่วงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการปฏิรูปประเทศสยามไปสู่ความเป็นรัฐสมัยใหม่ และเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทวิภาคีอันแน่นแฟ้นและเท่าเทียมระหว่างไทยกับเดนมาร์กที่มีมายาวนาน และมีนาง Dewi Dylander ตำแหน่ง CEO ของ Asia House กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน ณ สถานที่ที่เคยเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัท EAC
จากนั้น นาย Jesper Kurt Nielsen นักประวัติศาสตร์และภัณฑารักษ์ของ National Museum กรุงโคเปนเฮเกน ได้กล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ “His Majesty King Chulalongkorn’s Visits to Denmark and Their Lasting Impact” โดยกล่าวถึงการเสด็จเยือนฯ ครั้งสำคัญเมื่อปี ๒๔๔๐ และปี ๒๔๕๐ ที่เสริมสร้างความมั่นคงและความทันสมัยให้กับประเทศไทย รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับเดนมาร์ก ซึ่งพระองค์ได้ทรงศึกษาเทคโนโลยี วัฒนธรรม และระบบการบริหารของยุโรปไปประยุกต์ใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน และกระชับความสัมพันธ์กับราชวงศ์ นักวิชาการ และนักธุรกิจของเดนมาร์กที่มีความสำคัญในด้านการป้องกันประเทศ การค้า และเทคโนโลยีด้วย โดยส่งผลให้มีชาวเดนมาร์กหลายคนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดในกิจการของสยาม และสะท้อนให้เห็นถึงพระราชวิสัยทัศน์และพระปรีชาสามารถทางการทูตที่สร้างมิตรภาพและความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับเดนมาร์กอย่างยั่งยืนจวบจนถึงปัจจุบัน