วิลนีอุสเป็นเมืองแรกของโลกที่ริเริ่มโครงการมารตวัดความสุขของพลเมืองในประเทศ

วิลนีอุสเป็นเมืองแรกของโลกที่ริเริ่มโครงการมารตวัดความสุขของพลเมืองในประเทศ

วันที่นำเข้าข้อมูล 5 ต.ค. 2558

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 24 พ.ย. 2565

| 874 view

ศาลาว่าการกรุงวิลนีอุสรายงานว่า วิลนีอุสเป็นเมืองแรกของโลกที่เริ่มวัดความสุขของพลเมืองในประเทศจากข้อมูลแท้จริงของพลเมืองที่ต้องการเข้าร่วมใส่ข้อมูล

“รอยยิ้มเปรียบเสมือนเงินตรา แต่รอยยิ้มไม่ต้องซื้อเพื่อให้ได้มา ในทางกลับกันรอยยิ้มสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ได้ทั้งในเมืองที่ตนอาศัยอยู่และทุกแห่งในโลก” นาย Arturas Zuokas นายกเทศมนตรีเมืองวิลนีอุสกล่าว

การร่วมโหวตลงความรู้สึกของตนเองสามารถทำผ่าน QR reader และโทรศัพท์สมาร์ทโฟน โดยสามารถเลือกระดับความรู้สึกของตนเองแบ่งเป็นระดับ 1-10 วิธีการคือแค่หยุดที่ป้าย Billboard ที่ติดตั้งอยู่โดยรอบกรุงวิลนีอุส แล้วเลือกแสกนลงผ่านโทรศัพท์มือถือ หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือเข้าไปในเวปไซต์ www.happybarometer.com

ผลการโหวตจากทั้ง 2 แหล่งนั้น จะมารวมกันเพื่อแสดงผลผ่านทางจอวิดีโอที่ตั้งอยู่โดยรอบกรุงวิลนีอุสและในเวปไซต์ และจะแสดงผลทุกชั่วโมง นักท่องเที่ยวก็สามารถร่วโหวตความรู้สึกของตนเองผ่านมารตวัดความสุขได้เช่นกัน นอกจากนี้มาตรวัดความสุขยังมีการติดตั้งเพิ่มเติมออกไปเมืองอื่นๆ ในลิทัวเนียด้วย รวมทั้งต่างประเทศ เช่น ลอนดอน นิวยอร์ก ริก้า ทาลิน เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม

ขณะนี้ ผลเฉลี่ยค่าความสุขของชาวกรุงวิลนีอุสอยู่ที่ระดับ 6.1 ซึ่งนาง Ausra Deksnyte นักจิตวิทยาชาวลิทัวเนีย กล่าวว่า เป็นระดับที่ดีของลิทัวเนีย เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงของงานวิจัยนานาชาติที่ผ่านมา มักชี้ว่า ลิทัวเนียมักจะอยู่ในระดับท้ายๆ ในการจัดอันดับเสมอ นอกจากนี้ นาง Deksnyte ยังเสริมอีกว่า    ความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน สุขภาพและครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญ และสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ต้องมีความสุขกับปัจจุบัน โดยทิ้งอดีตและไม่กังวลถึงอนาคตมากจนเกินไป ดังนั้นการยิ้มนอกจากจะรู้สึกดีกับตัวเองแล้ว ยังส่งผลถึงคนรอบข้างอีกด้วย

นาย Zuokas กล่าวเสริมอีกว่า “พลเมืองของวิลนีอุสนั้นเป็นคนสร้างสรรค์ พร้อมด้วยระบบความเร็วอินเตอร์เน็ตที่เอื้อกัน ผมมีความสุขที่เมืองวิลนีอุส เป็นเมืองแรกในโลกที่สร้างสรรค์โครงการนี้ขึ้นมา การยิ้มเป็นนิมิตถึงความเชื่อในสิ่งที่ดีของวันนี้และอนาคต วิลนีอุสเป็นเมืองที่มีความเชื่อมั่นในอนาคตและหวังว่าจะได้เห็นรอยยิ้มมากขึ้นๆ ในทุกๆ วัน”

ด้านนาย Arturas Jonkus แห่ง IQ Polls ผู้คิดค้นโครงการนี้ขึ้น กล่าวว่า “มาตรวัดความสุขไม่ใช่ผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นโครงการทางด้านสังคม วัตถุประสงค์ของโครงการนี้มุ่งเน้นการกระตุ้นให้คนยิ้มบ่อยขึ้นและรู้จักส่งต่อและแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน” โดยคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ศูนย์กลางธุรกิจ ร้านกาแฟ ห้างสรรพสินค้า และบริษัทต่างๆ จะเข้าร่วมในโครงการนี้

www.lithuaniatribune.com