เอกอัครราชทูตสุพรรณวษา โชติกญาณ ถัง ขับเคลื่อน “การทูตเชิงวิทยาศาสตร์” สู่ความร่วมมือไทย–ลิทัวเนียที่ยั่งยืน

เอกอัครราชทูตสุพรรณวษา โชติกญาณ ถัง ขับเคลื่อน “การทูตเชิงวิทยาศาสตร์” สู่ความร่วมมือไทย–ลิทัวเนียที่ยั่งยืน

วันที่นำเข้าข้อมูล 1 ต.ค. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 1 ต.ค. 2568

| 6 view
ระหว่างวันที่ 18 - 24 กันยายน 2568 นางสุพรรณวษา โชติกญาณ ถัง เอกอัครราชทูตประจำสาธารณรัฐลิทัวเนีย ถิ่นพำนัก ณ กรุงโคเปนเฮเกน พร้อมด้วยนายภูวิศ วิสารทสกุล รองหัวหน้าสำนักงาน/อัครราชทูตที่ปรึกษา ได้เดินทางเยือนลิทัวเนียเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และความมั่นคงทางไซเบอร์ ตลอดจนเพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างหน่วยงานของไทยกับลิทัวเนีย
โดยเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 เอกอัครราชทูตฯ ได้เข้าร่วมงาน Life Sciences Baltics 2025 เพื่อแสวงหาโอกาสและเชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือด้านชีววิทยาศาสตร์ระหว่างไทยกัยลิทัวเนีย งาน Life Sciences Baltics เป็นงานประชุมและนิทรรศการด้านชีววิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคบอลติก จัดโดย Innovation Agency Lithuania ร่วมกับพันธมิตรด้านวิทยาศาสตร์และธุรกิจ จัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปีที่กรุงวิลนีอุส โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นเวทีเชื่อมโยงผู้ประกอบการ นักวิจัย นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบายในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ เภสัชกรรม เทคโนโลยีการแพทย์ และสุขภาพดิจิทัล มีผู้แทนจากกว่า 40 ประเทศเข้าร่วม ซึ่งลิทัวเนียเป็นหนึ่งในประเทศที่อุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์เติบโตเร็วที่สุดในสหภาพยุโรป โดยตั้งเป้าจะให้อุตสาหกรรมนี้มีสัดส่วนร้อยละ 5 ของ GDP ภายในปี 2030
จากนั้นในวันที่ 19 กันยายน 2568 เอกอัครราชทูตฯ ได้พบหารือกับนาย Antanas Aleknavičius, Director of National Cyber Security Centre (NCSC) เพื่อหารือความร่วมมือด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยเฉพาะการพัฒนาองค์ความรู้และเสริมสร้างสมรรถนะการรับมือกับภัยคุกคามแบบไฮบริด ซึ่งรวมถึงอาชญากรรมและการโจมตีทางไซเบอร์ มิจฉาชีพออนไลน์ ข่าวเท็จและข้อมูลบิดเบือน NCSC เป็นหน่วยงานหลักด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของลิทัวเนีย ภายใต้กระทรวงกลาโหม ก่อตั้งขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคุกคามและการถูกโจมตีทางไซเบอร์ ติดตามและควบคุมมาตรฐานความปลอดภัย และให้คำแนะนำแก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชน
เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568 เอกอัครราชทูตฯ ได้นำนางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ และคณะ พบหารือกับนาย Gediminas Pauliukevičius, CEO ของ Northtown Vilnius ซึ่งเป็นองค์กรที่บริหารจัดการ Vilnius City Innovation Industrial Park (VCIIP) อุทยานอุตสาหกรรมนวัตกรรมแห่งแรกของกรุงวิลนีอุส และเยี่ยมชมอุทยานฯ ซึ่งรัฐบาลลิทัวเนียได้จัดให้เป็น “โครงการเศรษฐกิจสำคัญแห่งชาติ” เน้นสนับสนุนกิจกรรมทางนวัตกรรมโดยเฉพาะ มีโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการพัฒนาศูนย์วิจัย ห้องทดลอง โรงงาน และศูนย์วิทยาศาสตร์ชั้นนำของลิทัวเนีย มีวิสัยทัศน์เพื่อดึงดูดนักลงทุนด้านนวัตกรรม สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจกับวิทยาศาสตร์ เพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรม และปรับปรุงสภาพแวดล้อมเพื่อธุรกิจนวัตกรรมระดับสูง
ต่อมาในวันที่ 23 กันยายน 2568 เอกอัครราชทูตฯ ได้นำคณะอธิบดีกรมยุโรปพบปะกับนาง Patricija Reut, Acting CEO, Innovation Agency Lithuania เพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือด้านนวัตกรรมระหว่างไทยกับลิทัวเนียในด้านต่าง ๆ อาทิ ความมั่นคงทางไซเบอร์ ฟินเทค เศรษฐกิจดิจิทัล ชีววิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีทางการแพทย์ ตลอดจนการเจรจาจัดทำบันทึกความเข้าใจเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านชีววิทยาศาสตร์ระหว่าง Thailand Center of Excellence for Life Sciences (TCELS) กับ Innovation Agency Lithuania
จากนั้นในวันที่ 24 กันยายน 2568 เอกอัครราชทูตฯ ได้นำคณะฯ พบหารือกับ Dr. Artūras Vasiliauskas, Pro-Rector for Partnerships, Vilnius University ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปตะวันออก เพื่อหารือความร่วมมือระหว่าง Vilnius University กับมหาวิทยาลัยของไทย ซึ่งรวมถึงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา นักวิจัย และองค์ความรู้ในสาขาที่สนใจร่วมกันโดยเฉพาะสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และเอเชียศึกษา
จากการเยือนครั้งนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการขับเคลื่อน “การทูตเชิงวิทยาศาสตร์” และสร้างความร่วมมือระยะยาวกับลิทัวเนีย พร้อมทั้งเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการร่วมมือด้านชีววิทยาศาสตร์ นวัตกรรมดิจิทัล ความมั่นคงทางไซเบอร์ และการศึกษาระดับอุดมศึกษา
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อน “การทูตเชิงวิทยาศาสตร์” กับสาธารณรัฐลิทัวเนีย เนื่องจากลิทัวเนียเป็นประเทศที่มีศักยภาพและความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ชีววิทยาศาสตร์ นวัตกรรมทางการแพทย์และสุขภาพ ระบบนิเวศนวัตกรรม ความมั่นคงทางไซเบอร์ และเทคโนโลยีอวกาศ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของประเทศไทยในยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์และนวัตกรรม (BCG Economy) การเสริมสร้างความร่วมมือด้านนี้จึงไม่เพียงช่วยยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี แต่ยังเปิดโอกาสให้ทั้งสองประเทศร่วมกันสร้างองค์ความรู้ พัฒนานวัตกรรม และต่อยอดสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาคและสากล

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ